|
|
|
|
|
|
เคล็ดลับเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก ดูผนังห้อง มุมหนังสือ สภาพแวดล้อม |
โดย ผู้จัดการออนไลน์ |
16 ตุลาคม 2546 13:16 น. |
|
ภาควิชาปฐมวัย มศว.แนะวิธีเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก เลือกโรงเรียน เตรียมความ พร้อม กับโรงเรียนใกล้บ้าน แต่ก่อนตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้สังเกต ผนังห้องเรียน มุมหนังสือ แอบดูกระบวนการเรียนการสอน และสภาพแวดล้อม ภายในและรอบโรงเรียน เพราะลูกต้อง อยู่กับครูผู้สอนวันละหลายชั่วโมง
โรงเรียนอนุบาลในประเทศไทยในปัจจุบันมีให้คุณพ่อคุณแม่เลือกมากมายหลายแบบ แต่การ เลือกโรงเรียนอนุบาลให้กับลูกน้อยของคุณถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ลูกมีความสุข กับการเรียนและ เสริมสร้างพัฒนาการของลูกรักให้เหมาะสมกับช่วงวัย
สถาบันครอบครัวรักลูก สถาบันวิชาการเพื่อคืนความเข้มแข็งสู่ครอบครัวไทย ในเครือบริษัท แปลน พับลิชชิ่ง จำกัด ร่วมกับ นิตยสาร Kids & School จัดกิจกรรม เพื่อคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกในวัย อนุบาล ในหัวข้อ “เลือกโรงเรียนอนุบาลแบบไหนถูกใจลูก” วิทยากรโดย ดร.สุจินดา ขจรรุ่งศิลป์ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ ภาควิชาการศึกษา ปฐมวัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
ดร.สุจินดา กล่าวว่า อนุบาลศึกษา คือสถานที่ที่มีการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมที่สุด ในการ ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทุกคน ให้เป็นไปตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน เพราะฉะนั้นการเข้าเรียน อนุบาลจึงไม่ใช่การเตรียมความพร้อมเพื่อขึ้นไปเรียน ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แต่จะต้องใช้ความ เข้าใจในตัวเด็กที่เป็นอยู่ ต้องเข้าใจว่าเด็ก แต่ละคนมีทุนเดิมอย่างไร แล้วจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม กับเด็ก เพื่อให้เด็กแต่ละคน ได้ใช้ทุนเดิมที่มีอยู่ เพื่อจะได้ก้าวเข้าไปอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะ เป็นคนดี รวมทั้งสามารถดึงความสามารถออกมาใช้ได้ตามศักยภาพของเด็กแต่ละคน
เมื่อเด็กๆ ต้องไปโรงเรียนเป็นครั้งแรก พ่อแม่จะต้องเข้าใจว่าลูกจะมีความกังวลกับ สถานที่ ที่แปลก ไปจากที่บ้าน รวมทั้งเพื่อนๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย ทำให้เด็กร้องไห้งอแง อยากจะกลับบ้าน อยากอยู่กับพ่อแม่ ดังนั้นเพื่อให้เด็กมีความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม ครูที่โรงเรียนจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทใน การสร้างความคุ้นเคยให้กับเด็กๆ รวมทั้งการจัด กิจกรรมที่เหมาะสมให้กับเด็ก เมื่อเด็กเริ่มรู้สึกสนุก มีความสุขกับการมาโรงเรียน อาการร้องไห้งอแงก็จะหายไป สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ของเด็ก
ส่วนการเรียนของเด็กในวัยอนุบาลนั้น จะเน้นการส่งเสริมพัฒนาการในทุกๆ ด้าน โดยยึดหลัก พัฒนาการของเด็กแต่ละคนเป็นหลัก ซึ่งพัฒนาการอันดับแรกคือการมุ่งให้ เด็กช่วยเหลือตัวเองก่อน ให้เด็กอยู่รอดในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับถ่ายของเด็ก การแต่งตัว เป็นต้น พฤติกรรมบาง อย่างของเด็กถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่เด็กเติบโต มาจากครอบครัว คือบางครอบครัวจะสอน ให้เด็กรู้จักช่วย เหลือตนเองแต่บางครอบครัว ไม่ได้สอนมา ดังนั้น ครูจำเป็นต้อสอนให้เด็กมีพัฒนาการใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสังคม ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการเรียนรู้ แล้วนำไปสู่พัฒนาการทาง สติปัญญา
ดร.สุจินดา กล่าวถึงหลักการเลือกโรงเรียนให้กับลูกว่า มี 2 ประการ คือ เป็นโรงเรียน เตรียมความ พร้อม และอยู่ใกล้บ้าน อีกประการที่อยากจะแนะนำในการเลือกโรงเรียนคือ ทางโรงเรียนต้อง ให้เราไปดูการเรียนการสอนภายในได้ อาจจะยืนอยู่ไกลๆ เพื่อไม่ให้ เป็นการรบกวน เป็นการให้เรา ได้รู้ว่าโรงเรียนแห่งนี้สอนอย่างไรกับลูกเราบ้าง วัฒนธรรมของโรงเรียนเป็นอย่างไร หรือโรงเรียนน ี้เหมาะกับลูกของเราหรือไม่ โรงเรียนที่ดีจะต้องมีการสอนให้เด็กรู้จักคุณธรรม จริยธรรมด้วย
ปัจจุบันมีโรงเรียนหลายแห่งมีการจัดฉากระหว่างที่ให้ผู้ปกครองเข้าไปเยี่ยมชม ทั้งนี้ วิธีการสังเกต ว่าจัดฉากหรือไม่ โดยดูจากผนังห้องที่โรงเรียนว่า งานที่ติดอยู่นั้นเป็นงาน สร้างสรรค์ของเด็ก หรือเป็นงาน Coppy ให้เด็กทำตามสั่ง ถ้าเป็นงานสร้างสรรค์ที่มา จากตัวเด็กเอง นั่นแสดงว่าโรงเรียน นี้กำลังส่งเสริมให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ และมีการริเริ่มการทำงานด้วยตัวเองได้ นอกจากนั้น ให้สังเกตว่ามีมุมหนังสือหรือไม่ มีการส่งเสริมให้เด็กเล่นตามพัฒนาการของเด็กหรือไม่ และสุดท้ายมีสิ่งแวดล้อม ที่ปลอดภัย
“การศึกษาจะต้องสร้างคนให้เป็นนักผลิต โดยการผลิตนั้นต้องมาจากความสนใจ ของตนเอง หรือมาจากการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่มาจากการบงการจากคนอื่น” เป็นการฝึกให้เด็กมีความคิด สร้างสรรค์ มีจินตนาการ ได้มีการปฏิบัติออกมาเป็นรูปร่าง ตามจินตนาการของเด็ก ซึ่งตรงนี้ถือว่า เป็นการพัฒนาเด็กไปเป็นลำดับและครบ ทุกด้าน“การศึกษาไม่ใช่ของเบ็ดเสร็จ ไม่ใช่โรงงาน อุตสาหกรรมที่จะต้องผลิตสินค้า ให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อส่งลูกค้า แต่การศึกษา จะต้องหล่อ หลอมให้คนเราทำอะไร ก็ตามด้วยความปราณีตที่สุด และสมอย่างที่ตั้งใจจะทำ” ดร.สุจินดา กล่าว
อย่างไรก็ดี พ่อแม่จะต้องเตรียมลูกก่อนเข้าเรียนอนุบาล ก็คือ สร้างความคุ้นเคยกับ สิ่งใหม่ๆ และขณะที่ลูกอยู่ที่โรงเรียน ก็จะต้องเข้าใจสภาพของเด็กในขณะนั้น และธรรมชาติของเด็กด้วย และที่สำคัญการปลูกฝังระหว่างบ้านและโรงเรียน จะต้องมีความสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น โรงเรียน จะฝึกให้เด็กใช้ระบบประชาธิปไตย แต่พอกลับถึงบ้านพ่อแม่กลับใช้ระบบเผด็จการ บังคับลูกให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เป็นต้น
“พ่อแม่ควรเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูก และในระหว่างเรียนรู้สามารถใส่สิ่งต่างๆ ที่ดีให้กับลูกได้เรื่อยๆ ขณะเดียวกันควรทำให้ชีวิตประจำวันของลูกทั้งที่บ้าน และโรงเรียนมีความสุข และสนุกกับกิจกรรม ที่ทำร่วมกัน” ดร. สุจินดา กล่าว |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|