หน้าหลัก |  สนทนา พ่อ แม่ ลูก |  เล่าเรื่องสมัยเรียนอนุบาล |  ติดต่อลงโฆษณา |  ติดต่อ Anubarn.com  
ประเภท
ถนน
จังหวัด
 
การขออนุญาตจัดตั้ง โรงเรียนอนุบาล.....การขออนุญาตจัดตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็ด (Nursery)
 

การขออนุญาตจัดตั้ง โรงเรียนอนุบาล
ผู้ประสงค์จะจัดตั้งโรงเรียน ให้ปฏิบัติและดำเนินการตามเงื่อนไขต่อไปนี้
1. เสนอโครงการจัดตั้งโรงเรียนพร้อมหลักสูตร ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนพิจารณา ทั้งนี้
รูปแบบและหัวข้อเรื่องในโครงการให้เป็นไปตามแบบที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนกำหนดท้าย
หลักเกณฑ์นี้
2้.ผู้เสนอเสนอโครงการต้องขอรับการรับรองมาตรฐานโรงเรียนจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับโดยสากลตาม
เงื่อนไขระยะ เวลาที่องค์กรที่ให้การรับรองมาตรฐานกำหนดนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน
3.โครงการจัดตั้งโรงเรียนผ่านความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนแล้ว ภายใน 1 ปี
ถ้าไม่ดำเนินการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนทราบ 
เป็นลายลักษณ์อักษร ให้ถือว่าโครงการนั้นสิ้นสุด
4. นอกเหนือจากหลักเกณฑ์ฉบับนี้แล้ว ในการจัดตั้งโรงเรียน ผู้เสนอโครงการจัดตั้งโรงเรียนต้องปฏิบัติตาม
เงื่อนไขที่ กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน กฎกระทรวง และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้อง

 การขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนระดับก่อนประถมศึกษา (อนุบาล)
ผู้ประสงค์จะขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียน ให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1
1. สถานที่
    สถานที่และบริเวณที่ตั้งโรงเรียนต้องมีลักษณะกว้างขวางพอแก่กิจการของโรงเรียน และไม่ขัดต่อสุขลักษณะ
หรืออนามัยของนักเรียน มีรั้วแสดง ขอบเขต และจะต้องอยู่ห่างจากโรงเรียนที่ตั้งอยู่แล้วไม่น้อยกว่า 300 เมตร
เส้นทางคมนาคม ฯลฯ
2. ที่ดิน
2.1 ที่ดินที่ใช้จัดตั้งโรงเรียนต้องเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน หรือเป็นกรรมสิทธิ์ของ
ผู้รับใบ อนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน หรือเป็นที่เช่าที่มีลักษณะดังนี้
       ก. เป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ที่ราชพัสดุ ที่ศาสนสมบัติกลาง ที่ธรณีสงฆ์ หรือท
ี่ของ องค์การของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ
       ข. เป็นที่ดินของเอกชน แต่ต้องมีสัญญาเช่าซึ่งมีระยะเวลาเช่าเหลืออยู่นับแต่วันยื่นคำขอไม่น้อยกว่าสามปี
2.2 ที่ดินต้องเป็นผืนเดียวติดต่อกัน มีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 90 ตารางวา
3. อาคารเรียน/ห้องเรียน และห้องประกอบ
  อาคารเรียน การใช้อาคารเรียนระดับก่อนประถมศึกษาให้ใช้ได้ไม่เกินชั้นที่สอง และจะต้องมีห้องสุขาในชั้นที่
สอง ด้วยห้องเรียน ห้องเรียนแต่ละห้องต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 35 ตารางเมตร และจะต้องเป็นห้องโล่งไม่มีเสา หรือสิ่งกีดขวางมีแสงสว่างเพียงพอ มีทางเข้าออกสองทาง แต่ละทางต้องกว้างไม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตร ถ้ามี
ทาง เข้าออกทางเดียวต้องกว้าง ไม่น้อยกว่า 1.60 เมตร ที่รับประทานอาหาร โรงเรียนต้องจัดให้มีโรงอาหาร มีโต๊ะ
ม้านั่ง สำหรับรับประทานอาหารเพียงพอกับจำนวน นักเรียน ละมีน้ำดื่มน้ำใช้โดยไม่ขัดต่อสุขลักษณะห้องส้วมและ
ที่ปัสสาวะ ต้องจัดให้เหมาะสมและเพียงพอกับ จำนวนนักเรียนไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่วางไว้ ถ้ามีนักเรียนชาย-หญิง
ต้องแยกเป็น ห้องส้วมชายและห้องส้วมหญิง

ขั้นตอนที่ 2
ผู้ประสงค์จะขอจัดตั้งโรงเรียน ให้ยื่นเอกสารและดำเนินการดังนี้
1. โครงการจัดตั้งโรงเรียน
2. ยื่นหนังสือขออนุญาตใช้แบบแปลน เพื่อก่อสร้างอาคารเรียน พร้อมเอกสารประกอบ
    ในกรณีที่ยังไม่มีอาคาร คือ
    (1) แบบแปลน 3 ชุด (ถ้าใช้แบบแปลนของส่วนราชการใดต้องมีหลักฐานการอนุญาตให้ใช้แบบแปลนของ
ส่วนราชการนั้นด้วย)
    (2) หนังสือรับรองแบบแปลนของสถาปนิก และวิศวกรพร้อมสำเนาบัตรอนุญาตประกอบวิชาชีพจำนวน 1 ชุด
    (3) เอกสารแสดงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสัญญาเช่าที่ดินที่ใช้เป็นที่จัดตั้งโรงเรียนซึ่งได้รับรอง
....... สำเนาถูกต้อง
    (4) รายการคำนวณโครงสร้าง 1 ชุด
3. ในกรณีผู้ขอจัดตั้งโรงเรียนมีอาคารที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เตรียมเอกสารดังนี้
    (1) แบบแปลน 3 ชุด   
    (2) หนังสือรับรองสภาพความมั่นคงของอาคารซึ่งรับรองโดยวุฒิวิศวกร
    (3) เอกสารแสดงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสัญญาเช่าที่ดินที่ใช้เป็นที่จัดตั้งโรงเรียนซึ่งได้
รับรองสำเนาถูกต้อง

การยื่นเรื่อง
     ส่วนกลาง ให้ยื่นเรื่องที่กองโรงเรียนสามัญศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ส่วนภูมิภาค
ให้ยื่นเรื่องที่อำเภอซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน

ขั้นตอนที่ 3
       เมื่อก่อสร้างอาคารเรียนเสร็จเรียบร้องแล้ว ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน ดำเนินการยื่นเอกสาร ดังนี้
1. คำขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียน (สช.1) พร้อมเอกสารระบุท้ายคำขอ
2. คำขอรับใบอนุญาตให้เป็นผู้จัดการ (สช.4) พร้อมเอกสารระบุท้ายคำขอ
3. คำขอรับใบอนุญาตให้เป็นครูใหญ่ (สช.7) พร้อมเอกสารระบุท้ายคำขอ
4. คำร้อง ร.11 ขอเก็บค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ พร้อมเอกสารประกอบ
5. ระเบียบการโรงเรียน
6. แผนผังบริเวณโรงเรียน
7. แผนผังอาคารเรียนและห้องต่าง ๆ
8. รายการตรวจสถานที่และสุขาภิบาล
9. ใบอนุญาตให้ใช้แบบแปลน

 
 
ขออนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน

          สถานรับเลี้ยงเด็ก หมายความว่า สถานที่รับเลี้ยงเด็กซึ่งมีอายุไม่เกิน 7 ปีบริบูรณ์ และมีจำนวน
เกิน 5 คน ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง เป็นญาติกับผู้เลี้ยงแต่ไม่รวมถึงสถานพยาบาลหรือโรงเรียนอนุบาล
          สถานสงเคราะห์เด็ก หมายความว่า สถานที่ให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็ก ซึ่งพึงได้รับการสงเคราะห
์อายุแรกเกิด – 18 ปีบริบูรณ์ และมีจำนวนเกิน 7 คน

จัดตั้งในนามนิติบุคคล
          1. สถานที่ติดต่อ / หรือยื่นเรื่องราว
             ส่วนภูมิภาค : ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการจังหวัด ทุกแห่ง
          2. คุณสมบัติของผู้ขอ / หรือดำเนินการ
             2.1 คุณสมบัติของเจ้าของ (ผู้ขอ) สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ตามกฎกระทรวง
..............ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวันที่
..............27 พฤศจิกายน 2515 ดังนี้
                (1) มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
                (2) ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสีย หรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
                (3) ไม่เป็นผู้วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
                (4) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุก โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ความผิดที่เป็นลหุโทษ
................. หรือความผิดที่ได้ กระทำโดยประมาท
                (5) ไม่เป็นผู้เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน วัณโรค ในระยะอันตราย โรคเท้าช้าง ในระยะปรากฏ อาการเป็น
................ ที่รังเกียจแก่สังคม โรคยาเสพติดให้โทษอย่างร้ายแรง หรือโรคพิษสุราเรื้อรัง
             2.2 คุณสมบัติของผู้ทำการ (ผู้ดำเนินการ) สถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน
                 2.2.1 ผู้ทำการมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเจ้าของตามข้อ 2.1
                 2.2.2 ผู้ทำการต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษาปฐมวัย หรือจบการศึกษาอย่างต่ำชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
................... และผ่านการอบรมหลักสูตรก่อนประจำการของกรมประชาสงเคราะห์หรือหน่วยงานที่กรม
................... ประชาสงเคราะห์พิจารณาเห็นสมควร
             2.3 คุณสมบัติพี่เลี้ยงเด็กสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน
                 2.3.1 ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 15 ปีบริบูรณ์
                 2.3.2 มีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ต้องผ่านการตรวจสุขภาพก่อนปฏิบัติงาน
                 2.3.3. มีวุฒิการศึกษาภาคบังคับเป็นอย่างน้อย และต้องผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรพี่เลี้ยงเด็ก
          3. เอกสารที่ต้องนำมายื่นขอจัดตั้งฯ
             3.1 สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมฉบับจริง)
                 - เจ้าของ จำนวน 1 ฉบับ
                 - ผู้ทำการ จำนวน 1 ฉบับ
             3.2 สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ (พร้อมฉบับจริง)
                 - เจ้าของ จำนวน 1 ฉบับ
                 - ผู้ทำการ จำนวน 1 ฉบับ
             3.3 สำเนาหลักฐานการศึกษา หรือประกาศนียบัตรหรือวุฒิบัตร ผ่านการอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับการ
.............. ศึกษาเด็กปฐมวัย (พร้อมฉบับจริง)
                 - เจ้าของ จำนวน 1 ฉบับ
                 - ผู้ทำการ จำนวน 1 ฉบับ
                 - พี่เลี้ยงเด็กคนละ จำนวน 1 ฉบับ
             3.4 ใบรับรองแพทย์ซึ่งระบุผลการตรวจสุขภาพ ได้แก่เอ็กซเรย์ปอด ตับอักเสบไวรัสบี (HB)
                 - เจ้าของ จำนวน 1 ฉบับ
                 - ผู้ทำการ จำนวน 1 ฉบับ
                 - พี่เลี้ยงเด็กคนละ จำนวน 1 ฉบับ
            3.5 ภาพถ่ายขนาด 2 นิ้ว
                 - เจ้าของ จำนวน 1 ฉบับ
                 - ผู้ทำการ จำนวน 1 ฉบับ
                 - พี่เลี้ยงเด็กคนละ จำนวน 1 ฉบับ
             3.6 แผนผังอาคารของสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็ก เทียบมาตราส่วน 1:100 ซ.ม. ดังนี้
                 - แปลนพื้นชั้นล่าง จำนวน 2 ชุด
                 - แปลนพื้นชั้นบน จำนวน 2 ชุด
                 - รูปตั้งด้านหน้าอาคาร จำนวน 2 ชุด
                 - รูปตั้งด้านข้างอาคาร จำนวน 2 ชุด
             3.7 แผนที่ทางไปสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็ก
             3.8 ในกรณีนิติบุคคลเป็นผู้ดำเนินการสถานรับเลี้ยงเด็กและสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน
                 - ประธานนิติบุคคลมีหนังสือมอบอำนาจให้ผู้แทนเป็นผู้มาดำเนินการ
                 - ประธานนิติบุคคลมีหนังสือแต่งตั้งผู้ทำการ
                 - สำเนาหลักฐานการจัดตั้งนิติบุคคล (พร้อมฉบับจริง)
                 - สำเนาหลักฐานแสดงฐานะทางการเงินของนิติบุคคล (เฉพาะจัดตั้งสถานสงเคราะห์เด็ก)
             3.9 หนังสือสัญญาเช่าอาคารอย่างน้อย 3 ปี ในกรณีที่เป็นสถานที่เช่าดำเนินกิจการ
             3.10 ภาพถ่ายบริเวณภายนอกและภายในอาคารสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน
                 - ภายนอกอาคาร เช่น ป้ายชื่อสถานรับเลี้ยงเด็ก/สถานสงเคราะห์เด็ก (เมื่อได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง) ..............ทางเข้าอาคารด้านหน้า ที่เล่นในร่ม สนามเด็กเล่น หรือบริเวณที่เล่นของเด็กพร้อมเครื่องเล่นสนาม
............. ที่เล่นน้ำ - ทราย
                 - ภายในอาคาร เช่น ห้องพัฒนาเด็กจัดเป็นมุมประสบการณ์ต่าง ๆ ห้องนอนเด็ก และห้องพักเด็กป่วย
..............ต้องติดมุ้งลวด ห้องครัวหรือ ที่เตรียมอาหาร ห้องรับประทานอาหาร พร้อมภาชนะเครื่องใช้ ห้องน้ำ -
..............ห้องส้วมสำหรับเด็ก เครื่องใช้อื่น ๆ เช่น เครื่องชั่ง น้ำหนัก วัดส่วนสูง ที่เด็กดื่มน้ำ พร้อมภาชนะ และ
..............ติดตั้งที่ดับเพลิง
          4. กำหนดเวลาเสร็จ/หรือเงื่อนไขเวลาที่ต้องยื่น
             4.1 ยื่นคำร้องขออนุญาตจัดตั้ง (ตามแบบคำขออนุญาต) เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและหลักฐาน
..............พร้อมทั้งนัดตรวจสอบ ข้อเท็จจริง ภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากยื่นคำขออนุญาต
             4.2 เจ้าหน้าที่กองสงเคราะห์เด็กและบุคคลวัยรุ่น ร่วมกับกองแบบแผนและสำรวจกรมประชาสงเคราะห์
...............(ในภูมิภาค เจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์จังหวัดร่วมกับโยธาธิการจังหวัด) ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
................ความเหมาะสมของอาคารสถานที่ และการดำเนินการ
             - ในกรณีอาคารสถานที่มีข้อบกพร่อง เจ้าหน้าที่แนะนำให้แก้ไข จะกำหนดระยะเวลาแก้ไขประมาณ
............ 15 วัน หรือ 30 วัน หรือ 60 วัน แล้วแต่กรณีเมื่อดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้วจึงเสนอผู้บังคับ
............บัญชาตามลำดับชั้นพิจารณาอนุญาตให้จัดตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็ก / สถานสงเคราะห์เด็กเอกชน ต่อไป
             - เมื่อเจ้าของหรือผู้แทนมารับใบอนุญาตจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก
............/สถานสงเคราะห์ เด็กเอกชน ฉบับละ 200 บาท ใบอนุญาตจะใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีที่ออก
........... ใบอนุญาต.เจ้าของต้องยื่นคำขอต่ออายุ ใบอนุญาตต่ออธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด ............และชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาต ฉบับละ 100 บาท ก่อนวันที่ใบอนุญาตสิ้นอายุไม่น้อยกว่า 30 วัน
........... เป็นประจำทุกปี
          5. ข้อเสนอแนะอื่น ๆ
             5.1 การเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง2 ปี ต้องจัดให้มีแพทย์หรือพยาบาลอย่างน้อย 1 คน ดูแลเป็นประจำ
             5.2 อัตราส่วนจำนวนเด็ก : ต่อพี่เลี้ยงเด็ก
                 เด็กอายุ 0-2 ปี พี่เลี้ยงเด็ก 1 คน ต่อเด็กไม่เกิน 3 คน
                 เด็กอายุ 2-3 ปี พี่เลี้ยงเด็ก 1 คน ต่อเด็กไม่เกิน 8 คน
                 เด็กอายุ 3-4 ปี พี่เลี้ยงเด็ก 1 คน ต่อเด็กไม่เกิน 12 คน
                 เด็กอายุ 4-6 ปี พี่เลี้ยงเด็ก 1 คน ต่อเด็กไม่เกิน 20 คน
             5.3 สถานสงเคราะห์เด็กเอกชนจะต้องมีนักสังคมสงเคราะห์หรือนักจิตวิทยาอย่างน้อย 1 คน
.............. อยู่ดูแลเป็นประจำ
             5.4 จะต้องจัดตารางกิจกรรมประจำวัน ตารางอาหารประจำวัน บันทึกรายการอาหารประจำวัน
...............ทะเบียนรับจำหน่ายเด็กบันทึกเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยเด็ก ชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงทุกเดือน
...............พร้อมทั้งจัดทำบัญชีรายชื่อเด็กส่งกรมประชาสงเคราะห์ทุก 3 เดือน
             5.5 ใบอนุญาตให้ตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานสงเคราะห์เด็กเป็นการอนุญาตเฉพาะตัวเจ้าของ
.............. และสถานที่ตั้ง.ตามเลขที่ ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น หากเลิกกิจการ ย้ายสถานที่ตั้ง
..............หรือเปลี่ยนแปลงเจ้าของต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรต่ออธิบดี กรมประชาสงเคราะห์.หรือผู้ว่าราชการ
.............. จังหวัด ภายใน 7 วัน ก่อนแก้ไขเปลี่ยนแปลง
             5.6 จัดให้มีป้ายชื่อสถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็กเป็นภาษาไทยขนาดใหญ่พอเห็นได้ในระยะ
.............. พอสมควร ณ ที่ตั้ง ๆ ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่ายจากภายนอกอาคารถ้าใช้ชื่อเป็นภาษาต่างประเทศให้เขียน
.............. เป็นภาษาไทย โดยใช้คำนำ หน้าชื่อ เขียนว่า สถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานสงเคราะห์เด็ก ตามประเภทท
............... ี่ขออนุญาตจัดตั้ง
          6. บทกำหนดโทษ
             6.1 ผู้ใดตั้งสถานสงเคราะห์เด็ก/สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ไม่ยื่นคำขออนุญาตตั้งสถานดังกล่าว
.............. ภายในเวลา 90 วัน.นับแต่วันประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน
.............. พ.ศ. 2515 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
             6.2 กรณีเจ้าของหรือผู้จัดการสถานสงเคราะห์เด็ก/สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎ
.............. กระทรวงหรือเงื่อนไข ในใบอนุญาต หรือคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่อธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด ...............มีอำนาจส่งเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมการดำเนินงาน หรือเพิกถอนใบอนุญาต หากเจ้าของฯ
...............ยังคงดำเนินการต่อไปภายหลังที่.ถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
............... หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
             6.3 ถ้าสถานสงเคราะห์เด็ก/สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชน ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง ให้ผู้นั้นเลิกดำเนิน
..............งานสถานดังกล่าวภายใน 60 วัน นับแต่วันที่รับคำสั่งของอธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี
          7. กฎหมายที่เกี่ยวข้องการดำเนินการควบคุมและส่งเสริมสถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนและสถานสงเคราะห์
..........เด็ก ได้แก่
             7.1 ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 หมวดที่ 1 หมวดที่ 4
.............. หมวดที่ 5 หมวดที่ 6
             7.2 กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2515) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294
............... ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515
             7.3 กฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 294
..............ลงวันที่ 27 .พฤศจิกายน พ.ศ. 2515
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ติดต่อ Anubarn.com
โทร.081-343-2101 อีเมล์: info@anubarn.com

Copyright 2006 by Anubarn.com