|           คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าทุกครั้งที่คุณต้องการอ่านหนังสือ   อ่านบทความ แต่วิธีการมองเห็นสิ่งที่อ่านจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ   จะเห็นกลับหัวกลับหางเหมือนมองในกระจกเงา 
           คงเป็นเรื่องน่าท้อถอยสำหรับคนที่เป็นเช่นนั้น   แต่เป็นสิ่งที่น่าท้าทายสำหรับครูที่จะให้การศึกษาหรือจัดการเรียนรู้กับคนที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้   และจะทำอย่างไรให้คนทั่วๆ   ไปรู้สึกเห็นใจต่อเด็กและผู้ใหญ่ที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้
           มีคำศัพท์ต่างๆ   เกี่ยวกับความบกพร่องในการเรียนรู้ที่จะให้ทุกคนเข้าใจ ได้แก่ 
           คำว่า   "ความบกพร่องในการเรียนรู้หรือแอลดี (Learning Disability - L.D.)"   ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ใช้คำนี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1964 คนบางคนอาจจะไม่ชอบคำว่า   "พร่อง" หรือ "Disability" แต่คำนี้ก็ได้ใช้มานานถึง 35 ปี บางคนจะใช้คำว่า   Learning Disorder หรือความผิดปกติทางด้านการเรียน ซึ่งใช้บ่อยในทางการแพทย์   หรือบางคนอาจบอกว่าเป็นการเรียนรู้ที่ยาก   หรือบางคนอาจบอกว่าเป็นการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน   แต่ถ้าให้เลือกได้สำหรับผู้บรรยายคงเลือกคำว่าการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป (Learning   Different) เพราะจริงๆ แล้วนั่นคือปัญหา
           บุคคลที่มีชื่อเสียงมากที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ ได้แก่   เรียวนาโด นาวินชี อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ วินสตัน เชอร์ชิล   และคนที่รู้จักกันมากที่สุดคือ โทมัส เอวา เอดิสัน   ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าชาวอเมริกัน เป็นคนที่มีความฉลาดมากแทบจะเป็นอัจฉริยะ   เขาเป็นคนที่ถูกโรงเรียนส่งกลับบ้านเมื่ออายุเพียงแค่ 8 ขวบ   โดยทางโรงเรียนบอกว่าเป็นคนซึ่งสอนไม่ได้   แม่ของเขาเป็นครูและเป็นคนที่มีความคิดและจิตใจยิ่งใหญ่มาก   ได้ใช้เวลาอย่างใจเย็นที่จะสอนให้เขาอ่านหนังสือ เพราะฉะนั้นจึงควรจะใช้คำว่า   Learning different หรือความแตกต่างทางการเรียนมากกว่า   เพราะเขาสามารถใช้พรสวรรค์ของเขาที่ต่างไปจากคนอื่นใช้   สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงใจที่จะทำให้เด็กที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้   มีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป
           อีกคำหนึ่งเป็นคำเรียกแบบอเมริกัน คือ คำว่า "ชั้นเรียนปกติ   (Mainstream classes)" และคำว่า "ชั้นเรียนพิเศษ (Special education)"   ที่หมายถึงการศึกษาพิเศษ   อาจจะเป็นชั้นเรียนสำหรับคนที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้หรือแอลดี   หรืออาจจะเป็นห้องเรียนซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆ |